วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552
บันทึกครั้งที่4
1.วันนี้มีการนำเสนอPOWER POINTเกี่ยวกับเนื้อหาในหัวข้อต่างๆที่ได้รับมอบหมายPERSENT เป็นกลุ่มทั้งหมด 5กลุ่ม ดังนี้
1ความหมายของภาษา
2ทฤษฏีทางสติปัญญา
3จิตวิทยาการเรียนรู้
4การสอนภาษาแบบองค์รวม
5หลักการ การจัดประสบการณ์สำหรับเด็กสรุปเนื้อหาหลังจากการฟังการนำเสนอทฤษฏีเพียเจต์ กล่าวว่าสิ่งเร้ามากระตุ้นส่วนการทำงานของสมองนั้น
วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552
บันทึกครั้งที่3
เทคนิคการสอนภาษา
การสอนภาษาสำหรับเด็กต้องรวมถึงทักษะการฟัง การพูดด้วย ไม่ใช่เพียงแต่ทักษะการอ่านการเขียนเท่านั้น เพราะการฟังการพูดเป็นพื้นฐานของการอ่านและการเขียนครูสามารถประเมินผลการสอนของตนเองจากเด็กได้ง่ายๆ โดยสังเกตว่าเราสอนเด็กรู้สึกอย่างไร
แนวคิดพื้นฐานของการสอนภาษา
ครูต้องทราบว่าเด็กของเราเรียนรู้อย่างไรและเด็กเรียนรู้ภาษาอย่างเป็นธรรมชาติอย่างไร ประสบการณ์ทางด้านภาษาของเด็กเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เชื่อว่าเด็กทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ เด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุด ถ้าเราสอนแบบWhole Language คือ สอนอย่างเป็นธรรมชาติ เนื้อหาอยู่ในชีวิตประจำวัน ให้เด็กรู้สึกว่าตัวเขาเป็นส่วนหนึ่งในสังคมของห้องเรียน ไม่ให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกแข่งขัน ครูต้องสอนทุกทักษะไปพร้อมๆกันและเกี่ยวข้อกัน ทำให้การเรียนภาษาของเด็กเป็นสิ่งที่น่าสนใจและสนุกสนาน
ควรสอนภาษาเด็กอย่างไร
ควรเริ่มจากสิ่งที่เด็กรู้แล้วและอยู่ในความสนใจของเด็ก ให้ความเคารพกับภาษาที่เด็กใช้ มีการประเมินโดยการสังเกต ใช้วิธีการประเมินที่เหมาะสม มีการเสนอความคิดต่อผู้ปกครอง ส่งเสริมให้เด็กเรียนอย่างกระตือรือร้น จดประสบการณ์การอ่านและส่งเสริมให้เด็กลงมือกระทำ
เด็กจะมีพัฒนาการแบ่งได้เป็น 6 ขั้น ดังนี้
ขั้นที่1 ขีดเขี่ย
ขั้นที่2 เขียนเส้นตามยาวซ้ำๆกัน
ขั้นที่3 เริ่มเขียนได้มีรูปร่างคล้ายตัวอักษร
ขั้นที่4 เขียนตัวอักษรและสัญลักษณ์ของคำเริ่มต้นได้สัมพันธ์กัน
ขั้นที่ 5 สร้างตัวสะกดเอง
ขั้นที่ 6 สามรถเขียนได้ถูกต้องตามแบบแผน
การสอนภาษาสำหรับเด็กต้องรวมถึงทักษะการฟัง การพูดด้วย ไม่ใช่เพียงแต่ทักษะการอ่านการเขียนเท่านั้น เพราะการฟังการพูดเป็นพื้นฐานของการอ่านและการเขียนครูสามารถประเมินผลการสอนของตนเองจากเด็กได้ง่ายๆ โดยสังเกตว่าเราสอนเด็กรู้สึกอย่างไร
แนวคิดพื้นฐานของการสอนภาษา
ครูต้องทราบว่าเด็กของเราเรียนรู้อย่างไรและเด็กเรียนรู้ภาษาอย่างเป็นธรรมชาติอย่างไร ประสบการณ์ทางด้านภาษาของเด็กเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เชื่อว่าเด็กทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ เด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุด ถ้าเราสอนแบบWhole Language คือ สอนอย่างเป็นธรรมชาติ เนื้อหาอยู่ในชีวิตประจำวัน ให้เด็กรู้สึกว่าตัวเขาเป็นส่วนหนึ่งในสังคมของห้องเรียน ไม่ให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกแข่งขัน ครูต้องสอนทุกทักษะไปพร้อมๆกันและเกี่ยวข้อกัน ทำให้การเรียนภาษาของเด็กเป็นสิ่งที่น่าสนใจและสนุกสนาน
ควรสอนภาษาเด็กอย่างไร
ควรเริ่มจากสิ่งที่เด็กรู้แล้วและอยู่ในความสนใจของเด็ก ให้ความเคารพกับภาษาที่เด็กใช้ มีการประเมินโดยการสังเกต ใช้วิธีการประเมินที่เหมาะสม มีการเสนอความคิดต่อผู้ปกครอง ส่งเสริมให้เด็กเรียนอย่างกระตือรือร้น จดประสบการณ์การอ่านและส่งเสริมให้เด็กลงมือกระทำ
เด็กจะมีพัฒนาการแบ่งได้เป็น 6 ขั้น ดังนี้
ขั้นที่1 ขีดเขี่ย
ขั้นที่2 เขียนเส้นตามยาวซ้ำๆกัน
ขั้นที่3 เริ่มเขียนได้มีรูปร่างคล้ายตัวอักษร
ขั้นที่4 เขียนตัวอักษรและสัญลักษณ์ของคำเริ่มต้นได้สัมพันธ์กัน
ขั้นที่ 5 สร้างตัวสะกดเอง
ขั้นที่ 6 สามรถเขียนได้ถูกต้องตามแบบแผน
วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
นางสาวกาญจนา ดรบุราณ
รหัสนักศึกษา 5111202379
สาขาวิชา การศึกษาปฐมวัย
6/11/52
รหัสนักศึกษา 5111202379
สาขาวิชา การศึกษาปฐมวัย
6/11/52
การจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย
หมายถึง ก่อนที่จะจัดกิจกรรมหรือการเรียนการสอนให้แก่เด็กต้องดูที่พัฒนาการของเด็กว่าเด็กมีพัฒนาการแค่ไหนแล้วค่อยจัดกิจกรรมตามพัฒนาการของเด็ก
บรรยากาศในห้องเรียน
ตอนแรกที่เข้าห้องมาก็รู้สึกดีเพื่อนๆก็สนุกสนานกันดีพออาจารย์เข้าห้องอาจารย์ก็เป็นกันเองก็เลยไม่ค่อยเกร็งเท่าไหร่บรรยากาศก็น่าเรียนดี
สรุปใจความสำคัญของการจัดประสบการณ์ภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย
คือเป็นการดำเนินงานโดยผ่านกิจกรรมที่จัดขึ้น เพื่อให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆเช่น ด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม จิตใจ และสติปัญญา(ตา หู จมูก ปาก กายสัมผัส)
สรุปเนื้อหา
ก็ค่อนข้างจะคล้ายกันเพราะว่าการที่จะจัดกิจกรรมให้แก่เด็กต้องดูที่พัฒนาการของเด็กว่ามีพัฒนาการมากแค่ไหนแลวค่อยจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)